หน้าแรก  
HakkaPeople(Thai) ชุมชนชาวฮากกา 泰國客家 Hakka people .  
ที่ใดมีตะวันขึ้น ที่นั้นมีชาวจีน ที่ใดมีชาวจีน ที่นั้นมีเค่อเจียเหริน(客家人) hakkapeople.com

ท่ามกงเยี้ย ยุวเทพที่เป็นชาวฮากกา (2)

รูปภาพของ จ๊องหยิ่นฮยุ๋ง

วันหนึ่งในช่วงฤดูกาลไหว้บรรพบุรุษ (เช็งเม้ง) เด็กหนุ่มเลี้ยงเป็ดคนหนึ่ง ได้นำเป็ดไปเลี้ยงในลำธาร ริมธารมีกอหญ้ารกทึบ ปรากฏเป็ดน้อยได้หายไปทุกวัน วันละตัวสองตัว จนเป็นที่สงสัย ต่อมาเด็กหนุ่มล่วงรู้สาเหตุ รู้ว่ามีงูขนาดใหญ่ วัดวงรอบเท่าใบตะกร้ามาฉกกินเป็ดเสีย เมื่อความทราบถึงชาวบ้าน ท่านอู๋เต็กพร้อมพวกเพื่อนๆ จึงพากันมาดักจับ เมื่อท่านเข้าใกล้กอหญ้ากอใหญ่นั้น ปรากฏเจ้างูร้ายโผล่ขึ้นมา ท่านจึงใช้มือจับหางของมัน เจ้างูตัวนั้นจึงชูหัวขึ้นสูง อ้าปากกว้างเท่ากะละมัง ท่านจึงเอาก้อนหินก้อนหนึ่งใส่ปากงู งูจึงย่อส่วนเป็นตัวเล็ก ท่านได้จับงูนั้นใส่ในบ้องไม้ไผ่ แล้วนำกลับไปเลี้ยงที่บ้าน

เมื่อใกล้สิ้นปี ตรุษจีนกำลังจะมา ท่านอู๋เต็กและเพื่อนๆ กำลังเลี้ยงวัวบนภูเขา ท่านก็นับนิ้วรู้โดยทิพย์ญาณว่าเมืองโปหลอซึ่งห่างจากที่นี่ 100 ลี้กำลังมีงิ้วแสดง ท่านจึงชวนเพื่อนๆ ทั้งหมดไปดูงิ้วซึ่งกำลังแสดงเรื่องสามก๊ก ตอนเล่าปี่ กวนอูและเตียวหุยรบกับลี่กู้ โดยเพื่อนๆ ต่างไม่เชื่อว่าเป็นจริง และด้วยระยะทางที่ไกลไม่น่าจะไปได้ ท่านจึงให้เพื่อนๆ ทั้งหมดเกาะบนบ่าของท่านและให้หลับตา แล้วเหาะลงมาจนถึงหน้าโรงงิ้ว เป็นที่อัศจรรย์ใจของชาวบ้านและคณะงิ้วมาก

ขากลับท่านก็กำชับให้ทุกคนปฏิบัติเช่นเดิม แต่ท่านรู้โดยทิพย์ญาณว่าเจ้าโตต้องแอบเปิดตาดู และเป็นจริงตามนั้น ร่างของเจ้าโตจึงร่วงหล่นลงไป เมื่อท่านส่งเพื่อนๆ ที่เหลือกลับไปโดยปลอดภัยแล้ว จึงได้ย้อนกลับมาช่วยเหลือเจ้าโตที่ได้ร่วงหล่นลงมายังบ้านข้าหลวงแห่งเมืองกุยสร้านโดยไม่ได้รับอันตราย ท่านข้าหลวงคิดว่าท่านเป็นเทพผู้เปี่ยมด้วยอิทธิฤทธิ์ จึงยกน้ำชาขึ้นคารวะ 3 จอก ท่านก็รับมา พร้อมสาดขึ้นฟ้าทั้งสามครั้ง ข้าหลวงจึงเอ่ยปากถามว่าท่านมีอะไรบกพร่อง จึงไม่รับน้ำชา ท่านจึงบอกว่าตำบลโปหลอกำลังมีไฟไหม้โกดัง ท่านกำลังช่วยดับไฟ เมื่อข้าหลวงได้ให้ม้าเร็วไปสืบ ก็ทราบว่ามีไฟไหม้โกดังจริง แต่แล้วมีน้ำสีชาตกมาจากฟ้าอย่างแรง ครู่เดียวไฟก็ดับหมด เหตุการณ์นี้เป็นที่เลื่องลือ และบันทึกไว้ในประวัติของเมืองกุยสร้านหรือหุ้ยจิวตราบจนปัจจุบัน

เมื่อท่านอายุ 13 ปี ล่วงถึงวัน 5 ค่ำ เดือน 3 จีน ซึ่งเป็นวันสำคัญ ปรากฏรุ้งกินน้ำ แสงสว่างกระจายในวงกว้าง ท่านเดินหน้ามุ่งไปยังก้อนหินเชิงเขา แล้วท่านนั่งสมาธิ พลันปรากฏแสงสว่างเป็นแสงสีม่วงพุ่งสูงขึ้นสู่ท้องฟ้า กล่าวว่าท่านได้ละสังขาร สำเร็จธรรมบรรลุเต๋า ณ ที่แห่งนั้น และปรากฏแสง 9 ลำแผ่รัศมีคล้ายดังมังกรเก้าตัว เหล่าสิงสาราสัตว์ร่ำร้องสนั่นฟ้าสะเทือนดิน เต่ายืดคอยาว เสือร้องคำราม งูขนดซ้อนกัน ฝูงมดห้อมล้อมสังขารของท่าน ผีเสื้อบินว่อน ฝูงผึ้งออกจากรัง สุนัขและฝูงไก่ร่ำไห้เศร้าโศกเหลือพรรณนา

เจ้าปู่แห่งขุนเขา (เอี๋ยวตั่วแปะกง) พลันปรากฏกาย ท่านถือไม้เท้าหัวมังกรไปบอกข่าวแก่ยายของท่าน จากนั้นกิตติศัพท์ความร่ำลือถึงการสำเร็จมรรคผลของท่านได้แผ่ขจรขจาย ก่อให้เกิดความศรัทธาอย่างแรงกล้า จนเมื่อปีพุทธศักราช 1926 ในรัชสมัย     หมิงหงอู่ปีที่ 16 จึงมีผู้สร้างศาลาตรงตำแหน่งที่ท่านละสังขาร นามศาลาเต็กเต๋าเต็ง (ศาลาสำเร็จธรรมเต๋า) ดังปรากฏในปัจจุบัน

กล่าวว่าภูเขาเก้ามังกร (จิ่วหลงเฟิง) นั้น เมื่อมองจากภายนอก เปรียบเสมือนมังกรเหาะเสือทะยาน ต่อมาเมื่อปีพุทธศักราช 1926 ในรัชสมัยหมิงเสี่ยนเต๋อปีที่ 9 ได้มีผู้ศรัทธาสร้างวัดให้ท่าน เรียกว่าวัดเก้ามังกร ไว้เป็นที่สักการะบูชา นับจากบัดนั้นจนถึงปัจจุบัน ระยะเวลาล่วงเลยมากว่า 600 ปี

เมื่อคราวมีงานฉลอง ณ วัดแห่งนี้จะคึกคักอย่างยิ่ง ยิ่งใหญ่กว่าบุญบารมีแห่งจักรพรรดิใดๆ ในอดีต ชาวบ้านใกล้ไกลต่างมาขอพรต่อท่าน บ้างก็เสี่ยงเซียมซีหรือขอใบยาจากท่าน กล่าวว่าแม่นยำและศักดิ์สิทธิ์

บันทึกกล่าวว่าเมื่อปีพุทธศักราช 2305 ในรัชสมัยชิงเฉียนหลงปีที่ 26 พระองค์เคยมาบูรณะและสักการบูชากราบไหว้องค์ยุวเทพท่ามกงเยี้ยด้วยพระองค์ เอง และเมื่อปีพุทธศักราช 2366 ในรัชสมัยชิงเต้ากวังปีที่ 3 ได้ปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ จนเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ทางวัดได้ผ่านการทำลายล้างจนไม่เหลือรูปเคารพใดๆ แห่งอดีต ต่อมาเมื่อปีพุทธศักราช 2525 ทางรัฐบาลจีนพร้อมชาวจีนโพ้นทะเลต่างร่วมแรงร่วมใจปฏิสังขรณ์วัดเก้ามังกร พร้อมศาลาเต๋าเต็กเต็ง และสร้างรูปเคารพของท่านใหม่ดังปรากฏในปัจจุบัน

ในต่างแดนโดยเฉพาะชาวจีนโพ้นทะเลที่มีถิ่นกำเนิดในท้องถิ่นกวางตุ้งและฮากกา นับถือบูชาองค์ยุวเทพท่ามกงเยี้ยเป็นอันมาก ในฮ่องกงและมาเก๊ามีศาลเจ้าของท่านอยู่มากมาย เช่น ย่านซาวเกยหว่านในฮ่องกง และย่านโหล่วหว่านโต๋วในมาเก๊า ซึ่งเรียกชื่อเดิมท่านว่าท่ามชีว ซึ่งต่างออกไป และนับถือท่านเป็นหนึ่งเทพอารักษ์คุ้งน้ำ(ห่ายเสิน)อีกท่านหนึ่ง นอกเหนือจากรักษาโรคภัยไข้เจ็บ จนทางราชการได้สนับสนุนงานฉลองคล้ายวันประสูติของท่านเป็นงานระดับชาติให้ ผู้คนไปสักการะท่าน

องค์ยุวเทพ ท่ามกงเยี้ยนับว่าเป็นพระคู่บ้านคู่เมืองตรัง ชาวตรังและชาวจังหวัดใกล้ไกลต่างเลื่อมใสศรัทธาเป็นอันมาก ชื่อเสียงความศรัทธาของท่านขจรขจายกว้างแผ่ไพศาลจนเหลือคณานับ ในเมืองตรังมีศาลเจ้าที่บูชาท่านเป็นการเฉพาะ ดังนี้

1.ศาลเจ้าท่ามกงเยี้ย ถ.เพลินพิทักษ์ ต.ทับเที่ยง จังหวัดตรัง

2.ศาลเจ้าท่ามกงเยี้ย ต.เขาวิเศษ อ.วังวิเศษ จังหวัดตรัง

นอกจากนั้น ยังมีรูปเคารพท่านในศาลเจ้าอื่นๆ อีก จนกล่าวว่าท่านเป็นหนึ่งครองความศรัทธาของพี่น้องชาวตรัง ไม่ว่าเป็นชาวไทยหรือชาวไทยเชื้อสายจีน โดยไม่คำนึงว่าบรรพบุรุษเหล่านั้นมาจากถิ่นฐานใด ต่างเลื่อมใสศรัทธาท่านทั้งสิ้น

ขอขอบคุณ

คุณสมเกียรติ แซ่ตั้ง (เฉินเถียะหลิน) ที่ได้คัดลอกประวัติองค์ยุวเทพท่ามกงเยี้ยจากหลักศิลาจารึก ณ วัดเก้ามังกร เรียบเรียงคัดย่อและเพิ่มเติมรายละเอียดโดย บุนเต้หลาง เมื่อ 25 มกราคม 2550

ส่วนองค์ยุวเทพท่ามกงเยี้ยในตำนานอื่นนั้น บ้างก็กล่าวว่าท่านมีนามเดิมว่าท่ามเชียว เกิดในยุคสมัยราชวงค์หงวน ท่านสำเร็จธรรมเต๋าตั้งแต่อายุ 12 ปี พระไท้ส่งโหล่กุนได้รับท่านไว้เป็นศิษย์ ได้ร่ำเรียนวิชาอายุวัฒนะไม่แก่ไม่เฒ่า จนเมื่ออายุ 70-80 ปี ก็ยังคงรูปลักษณ์เป็นเด็กอายุ 12-13 ปีโดยไม่เปลี่ยนแปลง

บ้างก็อ้างในทางเต๋าว่าท่านเป็นนักพรต ในนามจื๋อเซียวจินหยิน ฉะนั้น ถ้ายึดถือตามนี้ เทวรูป (กิมซิ้น) ท่านจึงมีรูปลักษณ์ไม่แน่นอน อาจมีลักษณะเป็นผู้เฒ่าแต่งชุดจินหยินตามยศ บ้างก็ว่าท่านเกิดยุคสมัยถัง ซึ่งเกิดต่างยุคต่างสมัย ในถิ่นฮกเกี้ยน ซึ่งเปรียบประหนึ่งเป็นคนละคนกับที่กล่าวมา จึงอาจมีความสับสนได้

สำหรับในเมืองตรังได้สืบทอดประวัติของท่านจากศิลาจารึกในวัดเก้ามังกร ถิ่นเมืองหุ้ยโจวเป็นหลัก ในฐานะยุวเทพผู้ทรงฤทธิ์

คัดมาจาก http://www.tewaracha.com/history-tamKongy.shtml


 
hakka@hakkapeople.com    คุณความดี แด่บรรพชนและชาวฮากกาที่ฮึกเหิม Hakkapeople.com by Hakka Pakchong Association... Powered by Drupal